85642 จำนวนผู้เข้าชม |
ตั้งชื่อแบรนด์ให้ปัง พร้อมตัวอย่างชื่อแบรนด์เจ๋งๆ
อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็ต้องมีชื่อแบรนด์ มาดูกันว่าถ้าอยากตั้งชื่อแบรนด์ให้ติดตลาด ต้องใช้เทคนิคอะไรบ้าง บ.เอสเธติค พลัส ยินดีให้คำปรึกษา
ชื่อแบรนด์ที่ดีคือหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่เจ้าของธุรกิจต้องลงทุนกับมัน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ ทำให้บริษัทเติบโตขึ้น
ชื่อแบรนด์ที่ดีควรสื่อถึงสิ่งที่จะขายก็จริง แต่ไม่จำเป็นว่าต้องตั้งชื่อให้ตรงตัวจนฟังดูจืดชืดหรือน่าเบื่อเสมอไป ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรตั้งมั่ว ๆ โดยที่ไม่มีความหมายเลย
ชื่อแบรนด์คือตัวตนของคุณในฐานะผู้ขาย เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ในตลาด ชื่อแบรนด์ที่โดนใจลูกค้าจะช่วยให้ธุรกิจของคุณไปได้ดี และมีแนวโน้มจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของคุณ คนมักจะซื้อของจากแบรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง ดังนั้นการมีชื่อแบรนด์ที่ดีและตัวตนที่ชัดเจน จึงมีอิทธิพลกับการตัดสินใจซื้อของไปด้วย มาดูกันว่าถ้าอยากตั้งชื่อแบรนด์ให้ติดตลาด ต้องใช้เทคนิคอะไรบ้าง
วิธีการตั้งชื่อแบรนด์อย่างไรให้ธุรกิจปังตั้งแต่เริ่ม
ชื่อแบรนด์ลักษณะเปรียบเปรย
คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ภาพหนึ่งภาพมีค่าเท่ากับคำพูดเป็นพันคำ” ซึ่งคำเปรียบเปรยก็เช่นเดียว หลายคนจึงนิยมนำคำที่รู้จักกันในระดับสากลทั่วโลกมาใช้ตั้งชื่อแบรนด์โดยเปรียบเปรยความหมายของธุรกิจตามลักษณะของคำนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น
Jaguar – เสือจากัวร์มีลักษณะที่โดดเด่นด้านความคล่องแคล่ว แบรนด์ Jaguar จึงเปรียบว่ารถของเขาเป็นรถยนต์ที่มีความคล่องแคล่ว
Amazon – ป่าที่มีพื้นที่กว้างขวางและอุดมสมบูรณ์ จึงเปรียบได้ว่าแพลตฟอร์มนี้มีสินค้าให้เลือกสรรได้อย่างมากมายมหาศาล
ชื่อแบรนด์ที่อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจตัวเอง การตั้งชื่อแบรนด์ในลักษณะนี้เป็นวิธีที่สื่อสารกับคนทั่วไปได้ง่ายที่สุด เมื่อมีผู้คนพบเห็นก็จะพอเดาออกว่าธุรกิจของคุณทำเกี่ยวกับอะไรทำให้เข้าใจได้
ชื่อแบรนด์ที่สร้างความเชื่อ
การที่เจ้าของแบรนด์เข้าไปอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าและมองว่าลูกค้าต้องการอะไรหรือเข้าใจปัญหาของลูกค้าและพร้อมที่จะช่วยแก้ไขให้ ก็สามารถนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ได้เช่นกัน หรือการกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกร่วมว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องเดียวกันอยู่ก็ช่วยได้ ยกตัวอย่างเช่น
Pampers – แบรนด์ผ้าอ้อมเด็ก
ZARA – แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิง
ตั้งชื่อแบรนด์ให้สอดคล้องกับธุรกิจ : ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการหากตั้งชื่อให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของคุณ จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าธุรกิจของคุณทำเกี่ยวกับอะไร
ตั้งชื่อกลาง ๆ : หากธุรกิจของคุณคิดว่าอาจจะมีการแตกไลน์ออกให้อนาคต ควรตั้งชื่อกลาง ๆ ไว้ก่อน เช่น Sony ที่แตกไลน์เป็น Sony music และ Sony computer entertainment
ชื่อต้องสอดคล้องกันทั้งภาษาอังกฤษและไทย : ชื่อทางการค้าทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในธุรกิจของคุณต้องมีหมายความที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ใส่สโลแกน : คุณอาจเพิ่มสโลแกนสั้น ๆ ให้ติดปากและเพื่อให้ลูกค้าจดจำได้ว่าแบรนด์ของคุณคืออะไร เช่น Laneige = สู่ผิวเนียนและชุ่มฉ่ำ หรือ Smooth E Gold = ขาวตึง อ่อนเยาว์
งดใช้ชื่อตามกระแส : ไม่ควรออกแบบชื่อแบรนด์โดยใช้คำที่เป็นกระแสในช่วงนั้น เพราะสิ่งที่เป็นกระแสมักจะมาเร็วไปเร็ว
ชื่อแบรนด์แบบไหนที่ไม่ควรตั้งและผิดกฎหมาย
‘ชื่อแบรนด์’ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่จะอยู่กับธุรกิจของคุณยาวนานที่สุด ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดสักกี่แบบสิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนตามก็คือชื่อแบรนด์นั่นเอง ดังนั้นการที่เจ้าของแบรนด์ใช้เวลาในการไตร่ตรองเพื่อคิดชื่อแบรนด์ดี ๆ ขึ้นมานั่น ถือว่าเป็นกิจกรรมและรายละเอียดที่ควรใส่ใจ นอกจากนี้การตั้งชื่อแบรนด์ยังสามารถเป็นปัญหาทางด้านกฎหมายได้อีกด้วย ทำให้เจ้าของแบรนด์อาจจะต้องเสียรายได้หรือบางทีก็อาจจะเสียธุรกิจไปได้เลย มาดูกันว่าชื่อแบรนด์แบบไหนที่คุณไม่ควรตั้ง
ชื่อแบรนด์ที่เหมือนหรือคล้ายกับผู้อื่น
หากชื่อแบรนด์ของคุณเหมือนหรือคล้ายกับของผู้อื่นอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนได้ และผู้ที่จดทะเบียนไว้ก่อนจะสามารถบังคับใช้สิทธิและดำเนินคดีกับผู้ที่ตั้งชื่อแบรนด์ที่มีความคล้ายคลึงกับของตนเองได้
ชื่อแบรนด์ที่มีการอ้างถึงสรรพคุณ
การตั้งชื่อแบรนด์ที่มีคำว่า ออแกร์นิค, พรีเมียม, Low Cal หรือคำอื่น ๆ อีกมากมายอาจผิดต่อข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) หากผลิตภัณฑ์นั้นไม่ได้มีสรรพคุณอย่างที่กล่าวอ้างจริง เช่น มีการตั้งชื่อแบรนด์ที่มีคำว่า “Low Calorie” แต่ผลิตภัณฑ์ของคุณมีแคลอรี่ถึง 200 กิโลแคลอรี่ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคทำให้เกิดปัญหากับ อย.
ชื่อแบรนด์ที่เป็นคำต้องห้ามตามกฎหมาย
คำต้องห้ามสำหรับการนำมาตั้งชื่อแบรนด์ก็คือคำจำพวก ชื่อจังหวัด, แหล่งทางภูมิศาสตร์, คำล่อแหลม ลามก อนาจาร หรือโลโก้แบรนด์ที่มีรูปธงชาติ, เครื่องหมายทางราชการ, สัญลักษณ์ทางศาสนา หรือเฉดสีและรูปทรงที่มีลักษณะตามคำต้องห้ามก็ควรหลีกเลี่ยงด้วยเช่นเดียวกัน
มาดูตัวอย่าง ‘การตั้งชื่อแบรนด์’ ที่ประสบความสำเร็จกันบ้าง
ชื่อแบรนด์ที่เกิดจากการประดิษฐ์คำมาใหม่
ชื่อแบรนด์ประเภทนี้อาจเป็นคำที่ไม่มีความหมายเลยก็ได้ คุณสามารถคิดชื่ออะไรขึ้นมาก็ได้ ซึ่งมันจะดีตรงที่ชื่อของคุณจะไม่ซ้ำใครและเหมาะกับแบรนด์ที่มีธุรกิจหลากหลาย แต่ข้อเสียของมันก็คือคุณต้องทุ่มงบการตลาดขนาดใหญ่เพื่อสื่อสารให้ลูกค้ารู้ว่าธุรกิจของคุณคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น Kodak – แบรนด์กล้องถ่ายรูป
Xerox – แบรนด์เครื่องถ่ายเอกสาร
ชื่อแบรนด์ที่ยั่งยืน
ชื่อแบรนด์ที่ยั่งยืน หมายถึง ชื่อที่ไม่ได้ตั้งตามเทรนด์และสามารถอยู่ได้ในระยะยาว ส่วนใหญ่มักจะเป็นชื่อกลาง ๆ ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะแตกไลน์ออกไปอย่างไรบ้างในอนาคตแต่จะเป็นชื่อที่มีความหมายดี ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่โดดเด่นเท่าไหร่แต่ก็มีให้เห็นอยู่ได้ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น Goldenland / HealthLand / True
ชื่อแบรนด์ที่นำคำมาผสมผสานกัน
ชื่อแบรนด์แนวนี้ส่วนใหญ่มักจะนำมาตั้งชื่อกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยการนำคำสองคำที่มีความหมายในตัวอยู่แล้วมาผสมกันจนเกิดเป็นคำใหม่ที่ผู้พบเห็นอาจจะเดาได้ว่าแบรนด์นั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ยกตัวอย่างเช่น
Netflix – Net มาจากคำว่า Internet + Flix มาจากคำว่า โรงหนัง
Instagram – มาจากคำว่า Instant camera + Telegram
Pinterest – มาจากคำว่า Pin + Interest
ชื่อแบรนด์ที่สร้างคำนิยามใหม่
การตั้งชื่อแบรนด์รูปแบบนี้ผู้ประกอบการต้องมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้บุกเบิกคนแรกในวงการนั้น ซึ่งความหมายของคำอาจจะแตกต่างจากความหมายจริง ๆ โดยสิ้นเชิงและเป็นการให้ความหมายในคำ ๆ นั้นใหม่ในแบบฉบับของตัวเองอีกด้วย แต่สินค้าหรือบริการของคุณก็จะต้องแตกต่างและโดดเด่นพอที่จะเรียกความสนใจจากลูกค้าได้ด้วยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
Uber – แอปพลิเคชั่นที่ใช้เรียกรถแท็กซี่
Apple – บริษัทพัฒนาอุปกรณ์และเทคโนโลยี
Slack – โปรแกรมสื่อกลางในการทำงาน
Yahoo! – ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
Nespresso – ธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟ
ชื่อที่ตั้งตามจุดเด่นของแบรนด์
การที่แบรนด์นำจุดเด่นในด้านการบริการหรือสินค้าของตัวเองมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นที่รู้จักและเรียกได้ว่ามีความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งถือว่าเป็นการบอกเล่าเรื่องราวกับลูกค้าได้เป็นอย่างดีว่าบริษัทของคุณกำลังดำเนินกิจการด้านใดกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น FlowAccount / SnapChat / Grab / WeChat
ชื่อแบรนด์ที่บ่งบอกถึงสถานะ
รูปแบบการตั้งชื่อแบรนด์อีกอย่างหนึ่งที่มักจะใช้เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของแบรนด์คือการบอกสถานะที่ไม่ว่าจะเป็นคำภาษาอังกฤษที่แปลว่า ราชาแห่ง…, ที่สุดของ…,ผู้นำในวงการ… ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น BestBuy / BurgerKing / CapitialOne
ชื่อที่บ่งบอกถึงลักษณะของแบรนด์
อีกหนึ่งรูปแบบของการออกแบบชื่อแบรนด์ คือ การออกแบบชื่อโดยนำบางส่วนของธุรกิจของคุณมาตั้งชื่อเพื่อให้แบรนด์มีภาพจำเกี่ยวกับประเภทธุรกิจที่ถูกต้อง แม้ว่าชื่อแนวนี้อาจจะดูธรรมดาและไม่ได้มีความโดดเด่นเท่าไหร่แต่มันช่วยทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงรูปแบบธุรกิจของคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น Traveloka / FoodPanda / PayPal / JetBlue
อ้างอิง
https://sell.amazon.co.th/
https://brandbenefit.co.th